
เผยแพร่: 4 มิ.ย. 2561 19:44: ปรับปรุง: 4 มิ.ย. 2561 20:41: โดย: MGR Online
“ประชุม” เคลียร์ข่าวพี่ชาย “ประวิทย์” เทขายหุ้น ลดบทบาทเหลือแค่พนักงานช่อง 3 กระทบความเชื่อมั่น ลั่นตระกูลมาลีนนท์ยังถือหุ้นสูงสุดในช่อง 3 ปรับเปลี่ยนการบริหารจากครอบครัวเป็นรูปแบบมหาชน ไม่กีดกันนำรายการใหม่ๆ เข้ามา เผยครึ่งปีหลังทีวีดิจิตอลแข่งดุ - ตัดราคาโฆษณากันเอง ยอมรับต้องปรับค่าโฆษณาลง แต่มั่นใจในคอนเทนต์และเรตติ้ง ไม่คืนช่อง 13 แล้ว แต่เล็งหาพันธมิตร .
บุพเพสันนิวาสเราไม่ได้ขายไปที่เมืองจีนนะ เพราะติดกฎเกณฑ์ของเขา แต่กระแสของเราก็ดีที่โน่น เพราะมีการลักลอบเอาคอนเทนต์เข้าไปแบบผิดๆ เลยทำให้มีคนติดต่อเข้ามาเพราะมันมีกระแสที่นิยม เพื่อจะนำไปฉายที่จีนด้วยเช่นกัน และกฎเกณฑ์ที่ติดๆ กันเพราะเขามีกฎของเขาเอง .
เพราะถ้าเราเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ คู่แข่งก็ขยับตามทันที และผมว่าในตอนนี้การแข่งขันในการขายคอนเทนต์ ก็อยากจะให้แข่งขันแบบมีระดับที่เหมาะสม อย่าไปทำลายมาตรฐานราคาโฆษณาที่มันมีมา .
ต้องไปถามผู้ซื้อ เอเจนซี่ และเม็ดเงินอุตสาหกรรมในทีวีมันลดลง มันไม่ใช่เกิดจากการที่ลูกค้าเขาใช้เงินน้อยนะ เพราะจริงๆ เขาก็ยังใช้มากอยู่ แต่ราคามันลดลง แม้จะเกิดการตัดเกิดขึ้น เราก็ต้องแข่งขันให้ได้ และถ้าเราจะลดราคาให้เท่ากับคู่แข่งมันก็ไม่ได้ .
อันนี้จะพูดภาพรวมไม่ได้ ก็ต้องดูเดือนต่อเดือนกันเลย ทุกอย่างอยู่ที่เรตติ้งเลย เพราะในสภาวะสถานการณ์นี้ถือว่าดีขึ้นกว่าต้นปี ในเรื่องของเรตติ้งก็ดีขึ้น จากอานิสงส์ของบุพเพสันนิวาส จากคนที่เขาทิ้งเราไป เขาก็กลับมาซื้อเราอีกครั้ง อย่างเรามีละครใหม่ๆ เขาก็ซื้อเราต่อเนื่องอยู่ .
เราเคยวางแผนว่าจะเอาคอนเทนต์นี้ลง แต่พอคู่แข่งลงไปอีกแบบ เราก็เลยอาจจะต้องมีปรับกันบ้าง ถึงได้บอกว่าต้องแข่งกันตลอดเวลา .
ปัจจุบันมี 24 ช่องค่อนข้างมาก กระจายผู้ชมออกไป ผู้ชมมีโอกาสเลือกชมมากขึ้น แต่พอมันมีช่องมาก มันก็กระทบต่อฐานธุรกิจ ซึ่งเราก็เอาเงินตรงนั้นมาพัฒนาคอนเทนต์และก็ภาพรวมทั้งหมด (อย่างภาครัฐเขาช่วยมาแล้ว 2 ข้อคิดว่าเพียงพอไหม? หรือว่าต้องการข้อ 3 อีกหรือเปล่า?) ถ้ามีช่วยเหลืออีกก็ได้นะครับ (หัวเราะ) .
ยังไม่เห็นเงื่อนไขก็ยังพูดอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้คือยังคืนไม่ได้ครับ และถ้าถามไปว่าถ้าเปลี่ยนมือไป จะมีคนมาซื้อเหรอ แต่ตอนนี้ถ้าเปิดโอกาสจะมีคนมา ก็น่าจะโอเค ส่วนในเรื่องของการลงทุนเองนั้น BEC ของเราก็หาพันธมิตรมาร่วมลงทุน เราเปิดทุกแชนแนลอยู่แล้ว สมัยนี้เราทำคนเดียวไม่ได้หรอกครับ เราต้องมีเพื่อนเยอะๆ เพราะมันเป็นการสร้างความแข็งแกร่งแต่ละด้าน .
ผมว่าเรื่องถือหุ้นก็เรื่องหนึ่ง แต่ก็ต้องดูภาพรวมของ BEC จะมาดูแต่คุณประชุม คุณประวิทย์คือไม่ได้ และเดิมเราทำธุรกิจแบบครอบครัว แต่ปัจจุบันเราเป็นบริษัทมหาชนแล้ว .
แต่ถามว่าเรื่องคนมีความสำคัญมั้ย ก็มีความสำคัญเช่นกัน รวมไปในเรื่องระบบ การตลาดก็มีความสำคัญเช่นกัน อย่างตัวผมเองถ้าทำ .
ผมว่าเรื่องคุณประวิทย์ก็ต้องถามตัวคุณประวิทย์เอง จะเหมาะกว่า ถ้าผมไปพูดอะไรแทน เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นเปล่าๆ เพราะคุณประวิทย์ก็คือพี่ชายผม .
จริงๆ ไม่ได้อยู่ที่คุณประวิทย์เอาของมา แต่อยู่ที่ว่าของที่คุณประวิทย์นำมา ถ้าของดีแน่นอน ช่อง 3 สนใจอยู่แล้ว แต่ในส่วนของการดีลก็คืออีกเรื่องหนึ่งเพราะถ้าของแพงมาก แล้วเราเอามาทำตลาด จะทำไหวมั้ย เพียงแต่ยกตัวอย่าง ไม่ได้หมายความว่าเราจะกีดกันคุณประวิทย์นะครับ .
ที่มา: mgronline.com